ลงทะเบียนเข้างาน
Mobile number
e-mail
Sponsors
view all
Banner
view all
News
Share
เคล็ดลับเลี้ยงลูกให้ฉลาด สดใส แข็งแรง

เคล็ดลับเลี้ยงลูกให้ฉลาด สดใส แข็งแรง เป็นที่ทราบกันดีว่าการเลี้ยงลูกรักในช่วงประถมวัยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเด็กในวัยนี้มีกิจกรรมให้ทำมากกว่าเด็กทารกและเด็กก่อนวัยเรียนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การบ้าน กีฬา รวมไปถึงกิจกรรมเสริมนอกหลักสูตรต่างๆ นอกจากนี้ เด็กในวัยซนนี้ก็ต่างไปจากลูกๆ ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น เพราะวัยนี้กำลังอยู่ในวัยแห่งการเรียนรู้สิ่งใหม่ และเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง รวมถึงต้องการทำอะไรด้วยตนเอง ดังนั้น จึงต้องการการดูแลและคำแนะนำสั่งสอนจากพ่อแม่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา 

สำหรับเด็กในวัยเรียนอายุระหว่าง 6-12 ปี ควรได้รับการปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดี ซึ่งจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตทั้งแก่ตัวเด็กเองและพ่อแม่ เพื่อให้พวกเขามีสุขภาพกายใจที่สมบูรณ์แข็งแรง ฉลาด สดใสสมวัย พ่อแม่ควรสนับสนุนให้เด็กวัยเรียนมี 7 อุปนิสัยที่ดี ดังนี้ 

1.รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์
พ่อแม่ควรพยายามกระตุ้นให้ลูกๆ รับประทานอาหารที่หลากหลายในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆ เจริญอาหาร และให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนและสมดุล ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารไม่ครบมื้อ โดยเฉพาะการงดอาหารเช้า เพราะเป็นอาหารมื้อแรกของวัน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มพลังงานและสารอาหารให้แก่ร่างกาย และยังช่วยให้เด็กมีความสามารถในเรียนหนังสือได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ พ่อแม่ยังสามารถปลูกฝังนิสัยเลือกรับประทานเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ด้วยการควบคุมการรับประทานของหวานและอาหารทอด เลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล ไขมันและโซเดียมสูง โดยแนะนำให้ลูกรักรู้จักรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ประเภทโฮลเกรน หรือธัญพืชเต็มเมล็ด อย่างเช่น อาหารเช้าซีเรียลที่ทำมาจากโฮลเกรน เพียงหนึ่งชามในตอนเช้าก็ช่วยเติมพลังงานและพร้อมเรียนรู้อย่างมีสมาธิ จากผลการศึกษาของเนสท์เล่ พบว่าการรับประทานโกโก้ ครั้นช์ โฮลเกรน ซีเรียล หนึ่งถ้วยผสมกับนม มีปริมาณน้ำตาลเท่ากับแอปเปิ้ลเพียง 1 ผล และน้อยกว่าขนมปังปิ้งทาแยม 2 แผ่น ซึ่งเป็นอาหารเช้าที่หลายคนชอบบริโภค

ส่วนปริมาณไขมัน โกโก้ ครั้นช์ โฮลเกรน ซีเรียล มีเพียงแค่ 6 กรัม ซึ่งน้อยกว่าการบริโภคข้าวผัด ไส้กรอก และไข่ดาว ที่มีปริมาณไขมันถึง 21.6 กรัม และมีไขมันต่ำกว่าการบริโภคก๋วยเตี๋ยว หรือเบคอน 3 ชิ้น หรือแม้แต่โดนัท 1 ชิ้น อีกทั้งยังมีปริมาณโซเดียมต่ำกว่าซาลาเปาหมูสับ 
1 ลูก และขนมปังทาเนย 1 แผ่นอีกด้วย

ในแต่ละวันเด็กในวัยเรียนควรได้รับประทานผักผลไม้ประเภทต่างๆ รวมถึงโฮลเกรน หรือธัญพืชเต็มเมล็ด ซึ่งผ่านการขัดสีน้อย เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นไฟโตนิว เตรียนท์ และใยอาหารต่างๆ อย่างครบถ้วน ซึ่งใยอาหารนี่เองที่จะช่วยป้องกันอาการท้องผูกและช่วยควบคุมน้ำหนักตัว พร้อมกันนั้น พ่อแม่ก็ควรอธิบายให้เด็กๆ เข้าใจถึงคุณค่าทางโภชนาการที่จะได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เพื่อให้ลูกรักสามารถเลือกซื้ออาหาร
ที่โรงเรียนได้อย่างชาญฉลาด

2.ดื่มน้ำเป็นประจำ
เด็กๆ มักจะลืมดื่มน้ำ ประกอบกับขนาดร่างกายที่ยังเล็กอยู่ทำให้เด็กๆ เกิดอาการขาดน้ำได้ง่าย ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย อิดโรย และท้องผูก ร่างกายของเด็กจำเป็นต้องได้รับน้ำเพื่อที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยร่างกายทำงานได้เป็นปกติ จำไว้ว่าควรให้เด็กจิบน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนชื้น และอย่ารอจนกระทั่งรู้สึกกระหายจึงดื่มน้ำ

3.ขยันเคลื่อนไหว
เด็กส่วนใหญ่ใช้เวลาว่างไปกับกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น ดูโทรทัศน์ และ เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ซึ่งกิจกรรมลักษณะนี้อาจก่อให้เกิดภาวะน้ำหนักตัวเกินหรือโรคอ้วนได้ พ่อแม่ควรสนับสนุนให้เด็กเล่นกิจกรรมที่สร้างความกระฉับกระเฉงและมีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือเล่นเกมส์กีฬากลางแจ้ง โดยลองให้วัยซนของคุณได้ออกแรงสนุกไปกับกิจกรรมโปรดเพื่อการออกกำลังกายสัก 20 นาทีต่อวัน

4.พิชิตความเครียดอย่างเหมาะสม 
อย่าคิดว่าเด็กวัยเรียนจะไม่ต้องกังวลกับอะไร พวกเขาอาจเผชิญกับความเครียดได้เช่นกัน ทั้งการเรียนที่โรงเรียน การบ้าน การสอบ แม้กระทั่งความกดดันจากความคาดหวังในตัวพวกเขาจากคุณพ่อคุณแม่ หรือความต้องการเอาชนะเพื่อนๆ นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมก็มีส่วนส่งผลให้เกิดความเครียดได้ เช่น เมื่อเด็กเห็นพ่อแม่ทะเลาะถกเถียงกัน เมื่อโดนเพื่อนจอมเกเรกลั่นแกล้งหรือเมื่อสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กไม่ปกติ และความเครียดนี่เองที่จะเป็นตัวการทำร้ายสุขภาพของลูกๆ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ฉะนั้น พ่อแม่ควรแนะนำให้ลูกรักเรียนรู้วิธีกำจัดความเครียดที่เหมาะสม เช่น การฟังเพลง วาดรูประบายสี เดินเล่นและการพูดคุยปรึกษากัน 

5.นอนหลับให้เพียงพอ
เมื่อจอมซนต้องเผชิญกับกิจกรรมต่างๆ มาทั้งวัน ควรให้พวกเขาได้นอนหลับสนิทเพื่อเป็นการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เป็นการชาร์ตพลังกายและคืนความสดชื่นแจ่มใสในรุ่งเช้าวันใหม่ เด็กที่พักผ่อนไม่เพียงพอจะเรียนได้ไม่ค่อยดี ไม่มีสมาธิ และส่งผลต่ออารมณ์ทำให้หงุดหงิดง่าย สำหรับการนอนหลับนั้นจะช่วยให้การเจริญเติบโตของร่างกายเป็นไปอย่างปกติ เนื่องจากระหว่างนอนหลับฮอร์โมนที่ใช้ในการเจริญเติบโตจะถูกปล่อยออกมา ดังนั้น เด็กๆ ควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมงทุกคืน

6. กระตุ้นทักษะความคิดและสติปัญญา
สติปัญญาเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์ อยากให้ลูกๆ ฉลาดต้องปล่อยให้พวกเขาได้คิดอย่างอิสระ ลองกระตุ้นให้เด็กๆ สนุกกับกิจกรรมที่เสริมสร้างการแสดงออก อาทิ การเล่นดนตรี งานเขียน ศิลปะ การฝึกพูดในที่สาธารณะ หรือให้พวกเขาได้ลองบอกเล่าถึงความใฝ่ฝันและความรู้สึกนึกคิดในเรื่องต่างๆ หรือไม่ก็ฝึกให้เขารักการอ่าน ซึ่งจะทำให้ลูกของคุณเข้าใจชีวิตในหลากแง่มุมด้วย ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ร่วมไปกับลูกเพื่อสร้างทักษะความรู้ความชำนาญในหลายๆ ด้าน เช่น ฝึกทำอาหารง่ายๆ ร่วมกับคุณแม่ ลองจัดสวนกับคุณปู่ หรือช่วยคุณพ่อซ่อมจักรยานเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากทุกกิจกรรมจะช่วยเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ ทำให้พวกเขาเฉลียวฉลาดและมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

7. รักษาสุขอนามัยอยู่เสมอ
ความสะอาดและสุขภาพที่ดีเป็นเรื่องคู่กัน ดังนั้น พ่อแม่จึงควรดูแลรักษาความสะอาดและสุขอนามัยส่วนตัวของลูกในช่วงวัยเรียน และอธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าการไม่ดูแลตนเองและรักษาความสะอาด อาจก่อให้เกิดโรคภัยได้ ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพวกเขานั่นเอง พ่อแม่อาจจะช่วยแนะนำการรักษาความสะอาดเบื้องต้น เช่น การล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนการรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หรือหลังจากเล่นกับสัตว์เลี้ยงแสนรักเสร็จแล้ว เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ก็เป็นอุปนิสัยทั้ง 7 และกลเม็ดเคล็ดลับง่ายๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังให้กับลูกรักวัยเรียน เพื่อให้พวกเขาได้เติบโตอย่างแข็งแรง ฉลาด สดใสสมวัย


ข้อมูลจากเนสท์เล่ ซีเรียล โฮลเกรน

ข้อมูลจาก : http://women.sanook.com/mom-baby/develop/age6up_55429.php
News Others
Promotion Credit Card in BBB55
Promotion Credit Card in BBB55
ลงทะเบียนเข้างานครั้งแรก
ลงทะเบียนเข้างานครั้งแรก
ครอบครัว BBB บริจาคเงิน สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ
ครอบครัว BBB บริจาคเงิน สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ
ทุนมะเร็งในเด็ก, ทุน OPD เด็ก, ทุนศัลยกรรมในเด็ก
Sponsors
view all
Banner
view all