ลงทะเบียนเข้างาน
Mobile number
e-mail
บทความ
แบ่งปัน
คุณเป็นพ่อแม่ประเภทใด

คุณเป็นพ่อแม่ประเภทใด สิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดูลูกตลอดจนทัศนคติของ พ่อแม่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อพัฒนา การของลูกมาก ฉะนั้นการที่เด็กจะเติบโตขึ้นมีบุคลิกภาพเช่นใดนั้น นอกจากพันธุกรรมแล้ว การอบรมอย่างเลี้ยงดูเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมาก เด็กถูกเลี้ยงดูมาอย่างถูกต้องและเหมาะสม ทำให้เขามีบุคลิกภาพที่ดีมีการปรับตัวต่อปัญหาต่าง ๆได้อย่างเหมาะสม ก็จะทำให้เขามีบุคลิกภาพที่ดีมีการปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้ มีอารมณ์ที่มั่นคง แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเด็กถูกเลี้ยงดูอย่างไม่เหมาะสมก็ทำให้เด็กมีพัฒนาการ และบุคลิกภาพที่ไม่เหมาะสม จะเป็นปัญหาต่อการปรับตัว และเป็นผลทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตได้ง่าย

การที่พ่อแม่จะอบรมเลี้ยงดูอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพอารมณ์ของพ่อแม่ ความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสของพ่อแม่ ลักษณะเฉพาะของลูกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตครอบครัวนั้น ๆประสบการณ์ที่พ่อแม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดู และการเลี้ยงดูลูกคนแรกด้วยปัจจัยดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเด็กแต่ละคนจะมีพัฒนา ทางบุคลิกภาพไม่เหมือนกัน เนื่องจากสาเหตุดังกล่าว

ฉะนั้น วิธีการอบรมเลี้ยงดูลูกที่ถูกต้องของพ่อแม่ เป็นปัจจัยอันหนึ่งที่ทำให้เด็กมีพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่ไม่เหมาะสม ท่านคิดว่าตัวท่านเองเป็นพ่อแม่ประเภทใด ก็อย่าเพิ่งตกใจหรือกังวลใจ

1. ประเภทรักมากและปกป้องมากเกินไป คือการให้ ความรักแก่ลูกมาก ทนุถนอมมากเกินไปปฏิบัติตัวเหมือนเป็นเด็กเล็ก ๆ ทั้งที่ลูกก็โตแล้ว พ่อแม่ก็นั่งประคบประหงมเหมือนไข่ในหิน ไม่ยอมให้ห่างสายตา ไม่ยอมให้ทำอะไรเลย เพราะกลัวจะเป็นอันตราย ลูกไม่ต้องคิดหรือ ตัดสินใจทำอะไรเลยพ่อแม่จะเป็นคนจัดการให้หมด การเลี้ยงดูลูกแบบนี้ ทำให้ทักษะในการช่วยเหลือตัวเองช้า การที่จะพัฒนาไปเป็นผู้ใหญ่ ที่มีความมั่นใจในตัวเองมีน้อยมาก เพราะไม่เคยตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองเลย ทำให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนเด็กคือเลี้ยงเท่าไรก็ไม่รู้จักโต

2.ประเภทที่ไม่ต้องการลูก พ่อแม่ที่มีทัศนคติแบบนี้ก็จะไม่รักลูก และพาลเกลียดลูกซึ่งอาจเนื่องมาจากการมีลูกทำให้พ่อแม่ ต้องลำบากยิ่งขึ้นอีก หรือขณะแม่ตั้งครรภ์มีอาการไม่สบายมากทำงานไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าลูกคนนี้นำ ความทุกข์มาให้ อาจจะเกิดตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ หรือภายหลังคลอดลูกแล้วก็ได้ พ่อแม่ก็ซักทอดว่าเป็นเพราะ ลูกคนนี้ทำให้ครอบครัวลำบาก นอกจากนี้พ่อหรือแม่อาจจะเกลียดลูกซึ่งตนโทษว่าเป็นเหตุให้แม่ หรือพ่อบังเอิญมาตายระหว่างตั้งครรภ์ หรือการคลอดลูกคนนั้นพ่อแม่ที่มีความรู้สึกเช่นนี้ ก็จะปฏิบัติกับลูกด้วยความรุนแรง ทั้งวาจา พฤติกรรม และสีหน้า และไม่สนใจลูกทำให้ลูกพัฒนาไปเป็นเด็กที่กระด้าง ก้าวร้าว ชอบทะเลาะวิวาท หงุดหงิด และมีลักษณะต่อต้านสังคม อาจเกิดปัญหาสุขภาพจิต ติดยาเสพติด ติดเหล้า ติดการพนัน ลักขโมยเป็นต้น

3. ประเภทตามใจมากจนไม่มีขอบเขต พ่อ แม่มักจะตามใจลูกทุกอย่าง โดยเฉพาะทางวัสดุ ลูกจะได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการเท่าที่ฐานะทางเศรษฐกิจ ของพ่อแม่จะอำนวย และไม่รู้จักอบรมลูกว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก อะไรควรอะไรไม่ควรปฏิบัติ ปล่อยให้ลูกทำตามใจตัวเองตามความพอใจ ผลเสียก็คือเมื่อลูกออกสู่สังคมนอกบ้าน ก็จะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ยาก ทำให้เกิดปัญหาในการปรับตัว เอาแต่ใจตัวเองและขาดความอดทน มีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นที่ไม่ราบรื่น เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาอื่น ๆตามมาอีกมากมาย

4. ประเภทวิตกกังวลหวาดกลัวมากเกินกว่าเหตุ พ่อ แม่มักจะตีตนไปก่อนไข้แสดงความวิตกกังวลในตัวลูกมากเกินกว่าเหตุ เช่น กลัวว่าลูกจะได้รับอุบัติเหตุ ลูกจะถูกหลอกไป ไม่ค่อยยอมให้ออกไปเที่ยวข้างนอกกลัวโดนแดดหรือกร่ำฝนจะไม่สบาย เวลาลูกไม่สบายเจ็บป่วยเพียงน้อยก็แสดงความวิตกกังวลมากย้ำถามย้ำปฏิบัติ การเลี้ยงลูกแบบนี้จะทำให้ลูกเติบโต เป็นเด็กที่มีความวิตกกังวลหวาดกลัว ห่วงใยในเหตุการณ์ต่าง ๆจนไม่มีความสุข และขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง

5. ประเภทเจ้าระเบียบจัด พ่อแม่แบบนี้จะเป็นคนระเบียบจัดต้องการให้ทุกอย่างเรียบร้อย เป็นระเบียบถูกต้อง ทุกอย่างไม่รู้จักผ่อนปรนให้ ต้องคอยชี้แจง ซ้ำซากตลอดเวลา ถ้าลูกทำไม่ได้ดังใจก็จะโกรธ และตำหนิรุนแรง และคอยจุกจิก จู้จี้กับลูก แม้ในเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆ การเลี้ยงลูกแบบนี้จะทำให้เด็กพัฒนา ไปเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง และมีปมด้อย เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรดี ไม่มีความสามารถ เพราะทำอะไรไม่เคยถูกใจพ่อแม่เลย

จะเห็นว่าการเลี้ยงลูกประเภทดังกล่าวทั้ง 5 แบบนี้ ทำให้การพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กเป็นไปในทางที่ไม่เหมาะสม ฉะนั้น พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการอบรมเลี้ยงดู ลูกที่จะทำให้เกิดผลเสียดังกล่าว แต่ควรปฏิบัติเลี้ยงดูโดยทางสายกลางเป็นสิ่งที่ดีที่สุด คือไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ควรอบรมเลี้ยงดูลูกให้เหมาะสมกับความสามารถและวัยของเด็ก ไม่ควรใช้อารมณ์ แต่ควรอบรมสั่งสอนลูกอย่างมีเหตุผลมีวินัยที่ดีแต่ต้องไม่เข้มงวดจนเกินไป และไม่ควรตามใจเด็กเกินไป หรือปล่อยปละละเลยจนเกินไป ควรให้ความรักอย่างเหมาะสมและมีเหตุผล ไม่ใช่รักมากอย่างไม่มีขอบเขต ตลอดจนพ่อแม่ควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กได้เลียนแบบ ความผาสุกในชีวิตแต่งงานของพ่อแม่ การปฏิบัติต่อกันของพ่อแม่ด้วยความรัก ความเข้าใจเห็นอกเห็นใจกัน จะทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่น มั่นคง อันจะเป็นรากฐานของการที่เด็กจะเจริญเติบโตมาด้วยความผาสุข และความพอใจอันจะมีผลดีทั้งต่อตัวเด็กเอง และสังคมต่อไปในอนาคต
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
items ต้องมี! ช่วยหนูน้อยฝึกการเข้าห้องน้ำ
items ต้องมี! ช่วยหนูน้อยฝึกการเข้าห้องน้ำ
ฝากครรภ์ที่ไหนดี ? เอกชน หรือรัฐบาล
ฝากครรภ์ที่ไหนดี ? เอกชน หรือรัฐบาล