ลงทะเบียนเข้างาน
Mobile number
e-mail
บทความ
แบ่งปัน
วิธีเล่นกับธรรมชาติก็ฉลาดได้

วิธีเล่นกับธรรมชาติก็ฉลาดได้ ในยุคนี้ก่อนทําอะไรแต่ละอย่าง เราต้องคิดให้มากว่า สิ่งที่ทําจะส่งผลกระทบใด ๆ ต่อโลกหรือเปล่า บางอย่างลด ละ เลิกได้ ก็ควรทําเสีย เพื่อจะได้มีโลกที่น่าอยู่เก็บไว้ให้ลูกหลานของเราต่อไป แต่ในเรื่องของการเล่นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเจ้าตัวเล็ก พ่อแม่ไม่สามารถลด ละ เลิกได้ เพราะการเล่นถือเป็นหัวใจสําคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูก 

และในบทความนี้จึงมีกิจกรรมชวนลูกเล่นสนุกได้ โดยไม่ทําลายโลกมาฝาก

1. ชวนหนูดูเมฆ

เด็กวัยนี้มีจินตนาการไม่จํากัด ความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ๆ ในช่วงเวลาก่อนการเข้าโรงเรียนนั้น จะมีอิสระ สดใส และบริสุทธิ์ เพราะไม่ได้ถูกตีกรอบด้วยเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ของสังคม คุณสามารถส่งเสริมจินตนาการของลูกได้ ในวันที่อากาศดี ๆ ลองชวนลูกมาปูเสื่อกลางแจ้ง อาจจะเป็นนอกระเบียง สนามหญ้า หรือในสวนสาธารณะ อุ้มลูกนั่งตัก หรือนอนมองก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า ลองใช้ความคิดจินตนาการดูว่า ก้อนเมฆสีขาว สีเทาบนฟ้าแต่ละก้อน ทําให้ลูกนึกถึงอะไรได้บ้าง ส่วนตัวคุณแม่เอง นึกถึงอะไร หนูชอบท้องฟ้าสีฟ้า หรือท้องฟ้าสีเทา ๆ พูดทายเล่นกันสนุก ๆ จากนั้นก็เล่นต่อยอดความคิดเสียเลย ด้วยการช่วยกันแต่งนิทาน สร้างเรื่องเกี่ยวกับก้อนเมฆรูปร่างต่าง ๆ มันจะเดินทางไปไหน ทําอะไรต่อไป ผลัดกันเป็นผู้เล่า ผู้ฟัง โดยไม่มีผิด ไม่มีถูก สิ่งสําคัญคือปล่อยให้เขาได้ใช้จินตนาการอย่างอิสระ ไม่พูดชี้นํา การเล่นจินตนาการแบบนี้มีข้อดีหลายอย่าง คือ ช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ลูก และยังทําให้คุณรู้จักเจ้าตัวน้อยได้ดีมากขึ้น เพราะลูกจะพูดถึงในสิ่งที่ใกล้เคียงกับความสนใจ หรือสิ่งที่ตนกําลังคิดอยู่ในช่วงเวลานั้นออกมา เมื่อเล่นสนุกแล้วอย่าลืมบอกให้ลูกรู้ว่า ฟ้าสีฟ้าจะอยู่กับลูกไปอีกนาน ๆ ถ้าเราช่วยกันดูแลธรรมชาติให้ดี

2. ศิลปะจากธรรมชาติ

เมื่อถึงวัยที่ร่างกายเริ่มควบคุมกล้ามเนื้อมือ กล้ามเนื้อมัดเล็กได้ดีขึ้น เด็ก ๆ จะรู้สึกว่าอยากขีด ๆ เขียน ๆ คุณอาจพบว่าตามผนังบ้านเริ่มมีรอยขีดปากกาจากฝีมือของเจ้าจอมซน ก็อย่าเพิ่งไปต่อว่า หรือดุเขาเลย เพราะเขาเพียงแค่อยากทดลองความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อของตน และระบายความคิดออกมาผ่านการขีดเขียนเท่านั้น เตรียมกระดาษหรือสมุดไว้ให้ลูก พร้อมกับบอกให้ลูกรู้ว่า หนูสามารถเขียนอะไรก็ได้ในสมุดนี้ แต่อย่าเขียนที่ผนังบ้านเลยนะคะ แต่ถ้าสุดท้ายสู้พลังซนไม่ไหว ก็หากระดาษแผ่นโต ๆ แปะผนังไว้เสียเลย ให้เขาได้ระบายจินตนาการออกมาอย่างเต็มที่ ลองถือโอกาสนี้หากิจกรรมศิลปะมาให้ลูกเล่น พร้อมกับสอดแทรกเรื่องราวของการอนุรักษ์ธรรมชาติไปด้วย เช่น การใช้ก้านกล้วย หรือเก็บดอกไม้ ใบไม้ที่หล่นอยู่ใต้ต้นมาทําภาพพิมพ์ตามจินตนาการ ใช้สีผสมอาหารแทนสีสังเคราะห์ ก็จะช่วยลดการใช้สารเคมีบนโลกได้อีกทางหนึ่งและปลอดภัยกับลูกน้อย

3. ปลูกต้นไม้ ช่วยโลก

เด็ก ๆ รู้โดยธรรมชาติว่าดอกไม้สวย ต้นไม้สวย บางครั้งเจ้าตัวน้อยอาจเผลอดึงใบไม้ หรือดอกไม้ตามสถานที่ต่าง ๆ เล่นด้วยความนึกสนุก การชวนลูกปลูกต้นไม้ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ขอแนะนํา เพราะต้นไม้ที่ปลูกนอกจากจะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และผลิตออกซิเจนออกมา ช่วยลดภาวะโลกร้อนแล้ว กิจกรรมนี้ยังเป็นการปลูกฝังจิตสํานึกรักธรรมชาติให้กับเจ้าตัวเล็กได้อีกด้วย เขาจะรู้สึกรักและหวงแหนในสิ่งที่ตนสร้างขึ้นกับมือ หาโอกาสให้ลูกได้เป็นเจ้าของต้นไม้สักต้น โดยอาจจะเริ่มจากการนําถั่วเขียวมาเพาะเป็นถั่วงอกก่อนก็ได้ เพราะมีช่วงระยะการเติบโตที่สั้น เหมาะสําหรับเด็กเล็ก ๆ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาที่ไม่นานนัก ให้ลูกได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกเมล็ดถั่วที่ดี (ระมัดระวังไม่ให้ลูกหยิบเมล็ดถั่วเข้าจมูกเข้าปาก) การเตรียมดินหรือกระดาษชําระชุบน้ำ และหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงทุก ๆ วัน ตั้งแต่เป็นเมล็ดเริ่มผลิใบ และงอกออกมาเป็นถั่วงอกที่สมบูรณ์ ในช่วงแรก ๆ คุณอาจได้ยินคําถาม “เมื่อไหร่มันจะโตครับ/ค่ะ” จากลูกค่อนข้างบ่อย ถือโอกาสให้ฝึกให้เขารู้จักการ

รอคอยให้ต้นถั่วเติบโต และสอนเขาไปด้วยเลยว่าขนาดต้นถั่วต้นเล็กยังใช้เวลาตั้งหลายวัน กว่าจะงอกออกมาเป็นต้นที่สมบูรณ์แล้วต้นไม้ต้นสูงใหญ่ที่ช่วยให้ร่มเงาแก่โลก ต้องใช้เวลายาวนานขนาดไหน พวกเราจึงต้องช่วยกันดูแล รักและหวงแหนต้นไม้บนโลกนี้ ให้สัญญาใจกันไว้ว่าทั้งคุณและลูกจะไม่เด็ดดอกไม้ ใบไม้ทิ้งเล่น ๆ หรือส่งเสริมให้มีการตัดต้นไม้อีก

4. ตัวอย่างดีๆ จากสัตว์โลกน่ารัก 


วัยเตาะแตะ เป็นวัยที่เริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง อยากทดสอบแล้วว่าเขาสามารถทําอะไรในสิ่งที่ตนเลือกได้หรือไม่ ดังนั้น จึงเหมือนกับว่าลูกเริ่มงอแงมากกว่าสมัยยังเบบี๋ แต่ทั้งนี้คุณสามารถสอนลูกได้ ผ่านการชวนลูกสํารวจชีวิตสัตว์รอบ ๆ ตัว เพราะเด็กจะถือว่าสัตว์เป็นเพื่อน สําหรับครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยงในบ้านอย่าง สุนัข แมว หรือปลา ก็ลองชักชวนลูกตามไปดูซิว่าวันนี้เจ้าตูบของเรามันทําอะไรบ้าง มันกินข้าวหรือยังนะ เจ้าปลากินอาหารวันละกี่เม็ดนะมันถึงโตได้ เมื่อลูกเห็นตัวอย่างก็จะอยากเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านั้นบ้าง ทําให้การปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีทําได้ง่ายขึ้น แต่สําหรับครอบครัวที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ก็ขอแนะนําการสํารวจชีวิตมดในบ้านเป็นกิจกรรมยามว่าง ลองชี้ชวนลูกให้ดูเส้นทางการเดินของมด ดูซิว่ามดทําอะไร มันจะไปไหน มันขยันหาอาหาร และแบกกลับไปไว้ที่รัง อาจเล่านิทานเรื่องมดจอมขยันให้ลูกฟัง เพื่อปลูกฝังเรื่องความขยันหมั่นเพียรให้กับลูกได้

5. ทําของเล่นชิ้นเดียวในโลก


เด็กกับการเล่นเป็นของคู่กัน ลูกเริ่มเล่นตั้งแต่ลืมตาตื่นนอนและเลิกเล่นเมื่อหลับสนิท คุณแม่สามารถประหยัดเงินค่าซื้อของเล่นของลูกได้ ด้วยการชวนลูกมาช่วยกันเลือกวัสดุเหลือใช้ในบ้าน จําพวก ขวด เศษผ้า กระดาษเอกสารที่ใช้แล้ว ฯลฯ ที่กําลังจะทิ้งเป็นขยะ นํามาประดิษฐ์ของเล่นที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกได้ เช่น นําเศษผ้ามามัดรวมกันกลายเป็นลูกบอล ใช้โยนรับ-ส่ง ทํารถลากจูง หรือเครื่องดนตรีจากขวดพลาสติก หรือลังกระดาษ เป็นต้น กิจกรรมนี้ นอกจากจะช่วยฝึกพัฒนาการทางด้านร่างกาย กล้ามเนื้อมัดเล็ก และกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์แล้ว การนําเศษวัสดุเหลือใช้มาทําของเล่น ก็ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมอย่างง่ายที่ช่วยประหยัดค่าของเล่น ลดจํานวนขยะบนโลก และยังส่งเสริมให้พ่อแม่ลูกได้ใช้เวลาร่วมกัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย
  
 ข้อมูลจาก : www.magickidschool.com
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
5 สิ่งที่่พ่อแม่อาจเผลอ Bully ลูก
5 สิ่งที่่พ่อแม่อาจเผลอ Bully ลูก
4 โมเมนต์พิเศษที่คุณแม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณพ่อบ้าง
4 โมเมนต์พิเศษที่คุณแม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณพ่อบ้าง