ลงทะเบียนเข้างาน
Mobile number
e-mail
บทความ
แบ่งปัน
รู้จักไวรัสโรต้า
รู้จักไวรัสโรต้า โรต้าเป็นชื่อของเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่กุมารแพทย์พบว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของโรคอุจจาระร่วงในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และยิ่งในช่วงอายุ 6-12 เดือนจะเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดเพราะเด็กวัยนี้หยิบอะไรได้เป็นส่งเข้าปากทันที ซึ่งของเหล่านั้นจะเป็นที่แฝงตัวของเชื้อไวรัสโรต้าอย่างดีเลยทีเดียว

แม้กุมารแพทย์จะรู้จักและคุ้นเคยกับเชื้อไวรัสโรต้ากันมานานแล้ว แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่อาจไม่ค่อยรู้จักเชื้อไวรัสชนิดนี้เท่าใดนัก เพราะสถิติคนที่เสียชีวิตด้วยโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้ายังค่อนข้างต่ำ และส่วนใหญ่มักหายเองได้ จนกระทั่งระยะหลัง ๆ มีการพูดถึงเชื้อไวรัสโรต้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีคนคิดค้นวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าได้สำเร็จ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ตื่นตัวกันมากขึ้นด้วย 

ต้นตอแพร่เชื้อ

จากข้อมูลทางระบาดวิทยาบอกว่าในประเทศไทยพบโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้าได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่อากาศเย็น คือเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี และด้วยความที่ไวรัสโรต้าสามารถมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว จึงส่งผลให้การแพร่กระจายของเชื้อเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็ว ทั้งจากการกินอาหาร น้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน หรือการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีเชื้อโรคติดอยู่ เช่น ของเล่น ของใช้ เสื้อผ้า ฯลฯ (โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มักเอาของเข้าปาก) นอกจากนี้ อาจติดเชื้อทางการหายใจและกลืนเชื้อลงไปได้อีกด้วย 

สัญญาณติดเชื้อไวรัสโรต้า

อาการอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้ามีความรุนแรงแตกต่างกันไปตามอายุของเด็ก เด็กเล็กอาการจะรุนแรงโดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 1 ปี นอกจากนั้น เชื้อไวรัสโรต้ายังมีหลายสายพันธุ์ ดังนั้นเด็กๆ จึงอาจเป็นโรคนี้ได้หลายครั้ง ซึ่งการติดเชื้อครั้งแรกจะมีอาการรุนแรงที่สุด แต่เมื่อเป็นซ้ำๆ อาการจะลดน้อยลงเรื่อย ๆ 

หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกจะอุจจาระร่วงเพราะติดเชื้อไวรัสโรต้า ก็ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดว่าจะเริ่มจากมีไข้และอาเจียนประมาณ 1-2 วัน ต่อมาจะเริ่มถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ โดยลักษณะของอุจจาระมักไม่มีมูกหรือเลือดปน หรืออาจมีมูกปนได้เล็กน้อย พร้อมกับลูกอาจจะมีอาการหวัดร่วมด้วยได้

ถ้าลูกมีอาการรุนแรงถ่ายอุจจาระและอาเจียนมากจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ถ้าสังเกตเห็นลูกปากแห้ง กระหายน้ำ ปัสสาวะออกน้อยลง ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะลูกมีโอกาสช็อก และถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้ 

เยียวยายามท้องร่วง

การรักษาโรคท้องร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้าก็ไม่แตกต่างจากโรคท้องร่วงด้วยสาเหตุอื่นๆ คือการรักษาตามอาการ และมุ่งป้องกันอาการขาดน้ำเป็นหลัก เพราะเป็นอาการแทรกซ้อนสำคัญที่อาจทำให้ลูกเสียชีวิตได้ แต่ถ้าท้องร่วงไม่รุนแรงก็จะหายเองได้ในเวลา 3-7 วัน

หากลูกถ่ายมากจนอ่อนเพลียเพราะเสียน้ำ ควรให้ลูกดื่มหรือจิบน้ำเกลือแร่สำหรับเด็กครั้งละน้อยบ่อยครั้ง เพื่อทดแทนปริมาณน้ำที่เสียไป (ไม่แนะนำให้ใช้น้ำอัดลม ควรผสมเกลือหรือน้ำเกลือแร่ชนิดขวดสำหรับนักกีฬาแทน) แต่ถ้าลูกไม่สามารถดื่มน้ำเกลือแร่ได้เพียงพอหรือมีภาวะขาดน้ำรุนแรงควรไปพบแพทย์เพื่อให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด

คุณพ่อคุณแม่บางคนมีความเชื่อว่าถ้าลูกอุจจาระร่วงต้องงดอาหารนั้นถือเป็นความเข้าใจที่ผิด ลูกยังต้องการสารอาหารไปทดแทน เพียงแต่คุณแม่ควรเปลี่ยนอาหาร โดยเน้นอาหารจำพวกแป้งและโปรตีน หลีกเลี่ยงอาหารเส้นใยจำพวกผักและผลไม้ และให้ลดปริมาณของอาหารในแต่ละมื้อลง แต่เพิ่มจำนวนมื้อให้มากขึ้น ส่วนลูกที่ยังดื่มนมก็สามารถดื่มได้ตามปกติ หรืออาจเปลี่ยนเป็นนมที่ไม่มีน้ำตาลแลคโตส เนื่องจากเชื้อไวรัสนี้จะไปทำลายเยื่อบุลำไส้ เป็นสาเหตุให้มีปัญหาในการดูดซึมน้ำตาลแลคโตสที่มีอยู่ในนมทำให้ท้องเสียเพิ่มมากขึ้นได้ และไม่ควรใช้วิธีเจือจางนมเพราะจะทำให้ลูกขาดพลังงานที่ควรได้รับ แต่ถ้าลูกกินนมแม่อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนนม 

ป้องกันไวรัสโรต้า

อย่างที่รู้ว่าไวรัสโรต้ามีอยู่ตามสิ่งแวดล้อมทั่วไป เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขอนามัยอาหารและน้ำดื่ม การล้างมือ หลังการเปลี่ยนผ้าอ้อม การทำความสะอาดสถานที่ ของเล่น ของใช้ และภาชนะทุกชิ้น หลีกเลี่ยงการพาลูกไปสถานที่แออัด รวมไปถึงการฝากลูกในสถานรับเลี้ยงเด็กด้วย

นอกจากนี้ ก็มีการศึกษาแล้วว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สามารถลดโอกาสในการเกิดโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้าได้ เพราะลดโอกาสสัมผัสเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ตามขวดนมและน้ำดื่ม และในนมแม่ยังมีสารและภูมิต้านทานช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้าได้ด้วย 

ในปัจจุบันยังมีวัคซีนที่ช่วยป้องกันโรคซึ่งมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงใช้แล้ว โดยการหยอดเริ่มให้เมื่ออายุ 2 เดือนและ 4 เดือน แต่วัคซีนป้องกันนี้ยังมีราคาแพงอยู่ หากจะฉีดป้องกันคุณพ่อคุณแม่จึงต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าด้วย แต่อย่างไรก็ตามวัคซีนก็ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโรต้าได้ 100 % เพียงแต่ช่วยให้มีอาการท้องร่วงน้อยลง เพราะฉะนั้นการให้วัคซีนจึงเป็นเพียงทางเลือกหนึ่ง ที่จำเป็นเฉพาะเด็กในสถานเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน 

เขียนโดย คำนวน ดีทอง 
ข้อมูลจาก : http://www.peeshop.com
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
5 สิ่งที่่พ่อแม่อาจเผลอ Bully ลูก
5 สิ่งที่่พ่อแม่อาจเผลอ Bully ลูก
4 โมเมนต์พิเศษที่คุณแม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณพ่อบ้าง
4 โมเมนต์พิเศษที่คุณแม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณพ่อบ้าง