ส.ว.กิจการสตรีฯศึกษาแบบอย่าง สถานพักฟื้นคน ชรานอร์เวย์ เรื่องรัฐสวัสดิการของประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย เป็นที่ยกย่องว่ามีมาตรฐานสูง จึงถูกเลือกเป็นสถานที่ ศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ที่มี ส.ว.ยุวดี นิ่มสมบุญ เป็นประธาน ซึ่งนอกจากจะพบปะสนทนาและแลกเปลี่ยนความรู้กับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาคทฤษฎีแล้ว ยังได้เข้าชมของจริงอีกด้วย ซึ่งเป็นสถานพักฟื้นคนชราสโทพเนอร์สโคเจน ในกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ และที่นี่มีผู้ช่วยพยาบาลชาวไทยปฏิบัติงานอยู่ด้วย
สถานพักฟื้นคนชราในประเทศนอร์เวย์ มีทั้งที่เป็นของรัฐและเอกชน ถ้าเป็นของเอกชน ผู้เข้าพักจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองเฉพาะส่วนต่างจากที่ประกันสังคมได้ออกให้แล้ว แต่ถึงอย่างไรประชาชนคนนอร์เวย์ทุกคนจะได้เงินบำนาญหลังเกษียณอายุ เป็นเงินติดกระเป๋าอีกอย่างต่ำคนละ 1,800โครนเนอร์ต่อเดือน หรือประมาณเกือบหมื่นบาท
สำหรับสถานพักฟื้นสโทพเนอร์ฯ อยู่ในการดูแลของรัฐ บรรยากาศสะอาดสะอ้านน่าอยู่ไม่แพ้อพาร์ตเมนต์ดีๆราคาแพงในบ้านเรา มีห้องพักทั้งหมด 148 ห้อง ให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่เข้าพักแบ่งเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ ซึ่งมีด้วยกัน 106 ห้อง, ผู้สูงอายุที่ป่วยทางสมอง มี 19 ห้อง และผู้สูงอายุที่ต้องพักฟื้นหลังเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาล และต้องทำกายภาพบำบัด รวมทั้งผู้สูงอายุที่ป่วยหนักระยะสุดท้าย มีด้วยกัน 23 ห้อง ในสถานพักฟื้นแห่งนี้มีทั้งหมอ พยาบาล หมอฟัน นักกายภาพบำบัด ผู้ช่วยพยาบาล คอยดูแลอย่างใกล้ชิด โดยมีเจ้าหน้าที่ทำงานแบบเต็มเวลาทั้งหมดร่วมร้อยคน
นอกจากห้องพักส่วนตัวของคนชราแล้ว ในสถานพักฟื้นคนชราสโทพเนอร์ฯยังมีห้องสันทนาการ เพื่อให้คนชราได้มาสังสรรค์ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น อ่านหนังสือ ดูทีวี รวมทั้งยังมีร้านตัดผม ห้องทำใจ เพื่อให้เตรียมตัวเตรียมใจ และห้องประกอบพิธีทางศาสนา เป็นต้น
ผู้ที่จะมีสิทธิ์เข้าอยู่ในสถานพักฟื้นคนชราแห่งนี้ได้นั้น จะต้องอายุ 60 ปีขึ้นไป และต้องแจ้งความจำนงโดยเขียนใบสมัครผ่านชุมชนที่ตนพักอาศัยอยู่ ซึ่งรัฐจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดตกประมาณ 590,000 โครนเนอร์ต่อคนต่อปี หรือประมาณ 3 ล้านบาทเศษ
โอกาสนี้คณะวุฒิสมาชิกจากประเทศไทยยังได้พบ คุณพรรณี จตุเทน หญิงไทยที่ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลในสถานพักฟื้นคนชราแห่งนี้ด้วย โดยเธอเล่าว่า ก่อนที่จะมาอยู่ประเทศนอร์เวย์ เธอเคยทำงานเป็นพนักงานในแผนกชุดชั้นใน ห้างสรรพสินค้ามาก่อน หลังจากแต่งงานกับชาวนอร์เวย์ ก็ย้ายมาอยู่ที่กรุงออสโลเป็นเวลา 13 ปีแล้ว พร้อมกับหาความรู้เพิ่มเติม โดยเข้าเรียนเป็นผู้ช่วยพยาบาล เดิมอยู่ในแผนกกายภาพบำบัด เพิ่งย้ายมาดูแลผู้ป่วยทางสมองได้เพียง 5 เดือน
คุณพรรณีบอกว่า ปัญหาของคนชราที่นี่ ส่วนมากจะโดดเดี่ยว เพราะลูกหลานมักจะแยกย้ายออกไปมีบ้านอยู่ของตัวเอง แต่ก็จะมีนักสังคมสงเคราะห์ออกไปเยี่ยม เพื่อสอบถามถึงความต้องการ โดยส่วนตัวของคุณพรรณีที่เลือกงานนี้ ก็เพราะตัวเองมีพ่อแม่ในวัยชรา ก็เหมือนกับเป็นการดูแลพ่อแม่ของตัวเองไปด้วย จึงทำให้ทำงานอย่างมีความสุข
ข้อมูลจาก :
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society&content=108260